หลายคนอาจจะพอรู้มาบ้างแล้วว่าประกันภัยรถยนต์นั้นมี 2 รูปแบบด้วยกัน คือ ประกันภัยแบบบังคับ หรือ พรบ. และประกันภัยแบบสมัครใจ ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากกว่า ซึ่ง ประกันประเภทนี้ยังแบ่งได้อีกถึง 5 ชั้นด้วยกัน นั่นคือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 พลัส และสุดท้าย คือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 พลัส
ประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภทจะให้ความคุ้มครองมากน้อยต่างกันไปตามลำดับชั้น ซึ่งประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองน้อยที่สุด คือ ประกันภัยประเภทที่ 3 หรือ ประกันชั้น 3 ซึ่งให้ความคุ้มครองเพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ 1)ค่าใช้จ่ายความเสียหายในทรัพย์สินของคู่กรณี 2) ค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลต่อร่างกายของคู่กรณี ดังนั้นหลายคนจึงหันไปพิจารณาทางเลือกอื่นๆที่ใกล้เคียงกันอย่าง ประกันรถยนต์ชั้น 3 พลัส ซึ่งมักพิจารณาในเบื้องต้นดังนี้
1.ดูความคุ้มครองที่คุ้มค่า ด้วยการดูว่าประกันชั้น 3 กับ ชั้น 3 พลัส ต่างกันอย่างไร
ประกันรถยนต์ชั้น 3 ธรรมดา นั้นจะซ่อมรถของคู่กรณีเมื่อเกิดเหตุ และไม่คุ้มครองรถเราเลย เช่น รถชน รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม
ในส่วน ประกันรถยนต์ชั้น 3 พลัส ให้ความคุ้มครองรับผิดชอบต่อความเสียหายแบบประกันภัยชั้น 3 แต่เพิ่มความรับผิดต่อความเสียหายต่อตัวรถยนต์คันเอาประกันภัยกรณีที่ชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น หรือพูดง่ายๆ คือ ซ่อมรถของเราและคู่กรณี แต่ต้องเป็นเฉพาะกรณีรถชนรถเท่านั้นนะ ถ้าชนเสา ชนประตู เคลมไม่ได้ ไม่คุ้มครองรถยนต์เมื่อเกิดเหตุสูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วมเหมือนประกันชั้น 3 ธรรมดา
2.ดูว่าลักษณะรถของตนเป็นอย่างไร
จะเห็นว่านอกจากความคุ้มครองรถยนต์ของเราและคู่กรณีของประกันรถยนต์ชั้น 3 พลัส แล้ว การไม่คุ้มครองเหตุไฟไหม้ น้ำท่วม หรือสูญหาย ทำให้เราต้องมาพิจารณาดูเสียก่อนว่าจริงๆ แล้ว รถยนต์ของเราเสี่ยงต่อการไฟไหม้ เช่น รถติดแก๊ส หรือเป็นรถยนต์เก่า ตลอดจนพิจารณาว่ารถยนต์เราเป็นรถเน้นจอดหรือไม่ ซึ่งอาจมักจอดอยู่ในที่ลับตาหรือเสี่ยงต่อน้ำท่วมหรือไม่ หากมีความเสี่ยงดังกล่าวประกันสองแบบนี้อาจไม่คุ้มนัก
3. เราใช้งานรถยนต์อย่างไร
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่ารถยนต์ของเรานั้นเป็นรถที่จอดไว้ นานๆ ทีจึงได้ขับหรือว่าเป็นรถใช้งาน ที่ต้องขับไปทำงานทุกงาน เช่น รถส่งของ หรือ ต้องติดต่อประสานงานบ่อย จนไม่ต้องแคร์ว่ารถจะเป็นแผลเหวอะหวะ ขอเพียงรถสามารถขับทำงานและไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่นแล้วล่ะก็ ประกันรถยนต์ชั้น 3 พลัส อาจจะเหมาะกับคุณ เพราะมันช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ารถของเราจะได้รับการคุ้มครองเหมือนของคู่กรณี (หากอุบัติเหตุมันเกิดขึ้น ซึ่งมีความเสี่ยงมากเพราะรถใช้ทำงานคือรถที่ใช้บ่อย)
และท้ายที่สุดแล้วหากคุณพิจารณาทั้งสามข้อนี้แล้วเห็นว่ายังไม่ถูกใจ เพราะใจหนึ่งรถยนต์คุณก็ยังใหม่ หรือไม่ คุณก็รักรถยนต์คันโปรดมากเกินกว่าจะใช้ทำงานหนักโดยไม่ดูแล ยังมีประกันภัยรถยนต์อีหลายประเภทไว้เป็นตัวเลือกได้เสมอ ซึ่งสามารถปรึกษาโบรกเกอร์ หรือ ติดต่อที่เรา Roojai.com ไม่ว่าคุณจะสนใจ ประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 3 +รู้ใจก็มีให้หมด